นโยบายความเป็นส่วนตัว
ปรับปรุงล่าสุด 1 มกราคม 2566
บริษัท โตโยโตมิ ออโต้ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ผ่านกระบวนการงานปั้มขึ้นรูป งานเชื่อม และกระบวนการชุบป้องกันสนิม และการสึกกร่อน ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ และตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจจากท่านที่ทำงานให้บริษัทโตโยโตมิฯ หรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และได้ให้ข้อมูลของท่านแก่เรา บริษัทโตโยโตมิฯ เข้าใจดีว่าท่านต้องการความปลอดภัยในการใช้ การเก็บรักษา และการส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล
ดังนั้น บริษัทโตโยโตมิฯ จึงให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่าน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงานของบริษัมโตโยโตมิฯ ด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านได้มั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทโตโยโตมิฯ ได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของท่าน และถูกต้องตามกฎหมาย
นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าและคู่ค้าบุคคลธรรมดา รวมถึง กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของลูกค้าและคู่ค้านิติบุคคล
ของบริษัท โตโยโตมิ ออโต้ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
- คำรับรอง
บริษัท โตโยโตมิ ออโต้ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัท”) มีความตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้จัดทำและเผยแพร่นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“นโยบาย”) เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่ค้าบุคคลธรรมดา รวมถึง กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของลูกค้าและคู่ค้านิติบุคคล รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแนวทางการจัดการข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสม
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทมีการพิจารณาทบทวนและอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากนโยบายนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสม
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
อ้างอิงนิยามตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
บริษัทมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุ พร้อมทั้งฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหวโดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ บริษัทมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรง หรืออาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น บริษัทที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ ผู้ปฏิบัติงาน หรือหน่วยงานราชการ เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป
ชื่อ นามสกุล ลายมือชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ข้อมูลการตรวจลงตรา(วีซ่า) วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ รูปถ่าย หมายเลขบัญชีธนาคาร และข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของท่าน เช่น เลขประจำตัวผู้เสียภาษีนิติบุคคล
- ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหว
ข้อมูลศาสนาที่ปรากฎตามสำเนาบัตรประชาชน
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการโดยขึ้นอยู่กับลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท ดังต่อไปนี้
3.1 สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา รวมถึง กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของลูกค้านิติบุคคล
- เพื่อพิจารณาอนุมัติเข้าทำสัญญา หรือการดำเนินการตามคำขอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทและเพื่อเข้าทำสัญญากับท่านในฐานะคู่สัญญา หรือในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของนิติบุคคล
- เพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์ สิทธิประโยชน์ หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท รวมทั้งการปฏิบัติตามสัญญา การดำเนินการเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ การจัดทำใบเสนอราคา การจัดส่งสินค้าหรือบริการ การชำระเงิน การออกใบเสร็จและใบกำกับภาษี การให้บริการหลังการขาย การปฏิบัติตามกระบวนการภายในของบริษัท และการรับหรือส่งข้อมูลและเอกสารติดต่อระหว่างท่านกับบริษัท
- เพื่อการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัท เช่น การแลกเปลี่ยนนามบัตร การติดต่อสื่อสารกับท่านในการให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท การจัดการข้อร้องเรียน เป็นต้น
- เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ
- เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท รายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด การเชิญชวนเข้าร่วมงานกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ของบริษัท และสื่อสารเกี่ยวกับกิจกรรมและโครงการดังกล่าว รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท
- เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ คำสั่ง ข้อกำหนดและหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท เพื่อรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร หรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานราชการ ศาล หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ เพื่อการสืบสวน สอบสวน ตามกระบวนการทางกฎหมายและกฎระเบียบอื่นใด รวมทั้งเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เพื่อควบคุมการเข้าอาคารและสถานที่ ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และ (หากจำเป็น) ตรวจสอบการเข้าอาคารและสถานที่โดยมิได้รับอนุญาต เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารและสถานที่ของบริษัทผ่านระบบกล้องวงจรปิดและการแลกบัตรยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน
- เพื่อเป็นฐานข้อมูลของบริษัท
3.2 สำหรับคู่ค้าบุคคลธรรมดา รวมถึง กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของคู่ค้านิติบุคคล
- เพื่อการพิจารณาคุณสมบัติและใบเสนอราคาของท่านก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัทในฐานะคู่สัญญา หรือในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของนิติบุคคล และเพื่อการพิจารณาอนุมัติการทำสัญญาระหว่างบริษัทกับท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของนิติบุคคลดังกล่าว
- เพื่อปฏิบัติตามสัญญาและการตรวจสอบการปฎิบัติงานตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท และเพื่อการปฏิบัติตามกระบวนการภายในของบริษัท เช่น การออกใบสั่งซื้อ การออกใบอนุมัติราคา การดำเนินการเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ การชำระเงิน การออกใบกำกับภาษี การลงทะเบียนคู่ค้า การประเมินการปฏิบัติงานของท่าน และการรับหรือส่งข้อมูลและเอกสารติดต่อระหว่างท่านกับบริษัท
- เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ
- เพื่อการรักษาความสัมพันธ์กับคู่ค้าของบริษัท เช่น การติดต่อสื่อสารกับท่านในการให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นต้น
- เพื่อการปฏิบัติตามนโยบายการตรวจสอบบัญชีของบริษัท รวมถึง เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ คำสั่ง ข้อกำหนดและหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท เพื่อรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร หรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานราชการ ศาล หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ เพื่อการสืบสวน สอบสวน ตามกระบวนการทางกฎหมายและกฎระเบียบอื่นใด รวมทั้งเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เพื่อควบคุมการเข้าอาคารและสถานที่ ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และ (หากจำเป็น) ตรวจสอบการเข้าอาคารและสถานที่โดยมิได้รับอนุญาต เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารและสถานที่ของบริษัทผ่านระบบกล้องวงจรปิดและการแลกบัตรยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน
- เพื่อเป็นฐานข้อมูลของบริษัท
- ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นภายใต้ขอบเขตของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ในกรณีต่อไปนี้
- เมื่อบริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน สำหรับกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม
- เพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านและบริษัท
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท
ในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอ้างอิงความยินยอมเป็นฐานทางกฎหมาย ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมของท่านได้ทุกเมื่อผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านไม่กระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เกิดขึ้นแล้วก่อนการถอนความยินยอมโดยอ้างอิงความยินยอมโดยชอบด้วยกฎหมาย
บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบต่างหาก ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับหรือการปฏิบัติตามสัญญา รวมถึง ผลกระทบหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว
- ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทดำเนินความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท
บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหลังจากระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจะทำลายหรือลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกจากระบบทันที
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ กรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะแจ้งให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
- บริษัทแม่ บริษัทย่อย บริษัทในกลุ่ม และบริษัทในเครือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจและการบริหารงานภายใน
- หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ กรมสรรพากร เป็นต้น
- ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ เช่น ผู้ให้บริการขนส่ง ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้รับจ้างพัฒนาและดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินและระบบชำระเงิน ธนาคาร บริษัทจัดทำบัญชี ที่ปรึกษากฎหมายและภาษี รวมถึง ที่ปรึกษาใด ๆ
- ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้าของบริษัท รวมถึง กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของคู่ค้าของบริษัท บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ลูกค้า หรือคู่ค้ารายอื่น ๆ ของบริษัท
ในกรณีที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นไปต่างประเทศ บริษัทจะจัดให้มีมาตรการการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น การทำสัญญาแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล สัญญาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อตกลงระหว่างบริษัทย่อย บริษัทในกลุ่ม และบริษัทในเครือ และจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ ประเทศผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรการการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หรือ บริษัทได้ขอความยินยอมโดยชอบด้วยกฎหมายจากท่านก่อนการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านมีความประสงค์ในการรับทราบรายละเอียดมาตรการการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยของบริษัท ท่านสามารถติดต่อขอรับรายละเอียดได้ที่ช่องทางการติดต่อที่ระบุในนโยบายนี้
- สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้ไว้แก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
- สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยถึงการได้มา ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
- สิทธิในการให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลจากบริษัทได้ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ด้วยเหตุตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่านด้วยเหตุตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
หากท่านมีความประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าว ท่านสามารถติดต่อขอใช้สิทธิได้ที่ช่องทางการติดต่อที่ระบุในนโยบายนี้
หากท่านมีความประสงค์จะใช้สิทธิถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมก่อนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้ ท่านสามารถติดต่อขอใช้สิทธิได้ที่ช่องทางการติดต่อที่ระบุในนโยบายนี้
- มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้กำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมและเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ
กรณีที่บริษัทมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท บริษัทจะกำกับดูแลบุคคลดังกล่าวอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลดังกล่าวจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
บริษัท โตโยโตมิ ออโต้ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
- เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | : คุณยงยศ โยธีชีวิน |
- อีเมล | : security@toyotomi.co.th |
- ที่อยู่ | : เลขที่ 1/28 หมู่ 5 ตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24130 |
- หมายเลขโทรศัพท์ | : 089-939-2775 |